วันหยุดสุดสัปดาห์ ผมมีโอกาสไปเที่ยวบริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว หรือที่เรียกว่า “ตลาดโรงเกลือ” ที่นี่ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ครั้งก่อน เมื่อ 6 ปีที่แล้วมาก ตัวตลาดขยายไป แบ่งเป็นตลาดเก่ากับตลาดใหม่ และมีส่วนที่กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย หลายปีที่แล้วมีแต่รถจักรยานให้เช่าสำหรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้ส่วนใหญ่มีมอเตอร์ไซท์กะรถกอล์ฟไว้ให้บริการ ผมออกเดินทางจากนั่งรถตู้จากพัทยาออกประมาณ 6 โมงเช้า ราคา 260 บาท ไปลงตลาดโรงเกลือใช้เวลา 3 ชั่วโมง พี่โชเฟอร์บอกว่าปกติขับ 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่วันนี้ไม่มีลูกค้าแถวชลบุรี เลยวิ่งเข้าเส้นมอเตอร์เวย์จากพัทยาเลย
ถึงตลาดโรงเกลือราว ๆ 9.30 น. รถตู้เที่ยวสุดท้ายที่จะกลับพัทยาคือ 6 โมงเย็น ฉะนั้น ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงผมต้องเก็บรายละเอียดสินค้าที่เราสนใจให้มากที่สุด
สิ่งที่ผมได้ติดไม้ติดมือกลับมานอกจากเสื้อผ้ามือสองที่มียี่ห้อสองสามชุดแล้ว ยังมีอุปกรณ์เดินป่า ซึ่งตลาดโรงเกลือมีสินค้าให้เลือกมากมาย ที่ควรจะเปรียบเทียบจากหลาย ๆ ร้าน และอย่าลืม “ต่อ” ให้ขาดไปเลย ถ้าเค้าไม่ให้ก็เดินไปร้านอื่น เพราะคนขายส่วนใหญ่เป็นชาวเขมร แต่พูดไทยได้ ส่วนใหญ่พูดจาดี
สินค้าอันแรกที่ผมได้มาคือ Fly Sheet ที่เอาไว้สำหรับกันแดดกันฝนหรือน้ำค้าง ซึ่งผมมองเห็นหลาย ๆ ร้าน จนน้าผมพาไปร้านประมาณ ซึ่งเขาตั้งราคาขายไว้ 850 ผมต่อเหลือ 750 (แต่กว่าจะได้ราคานี้ต้องตื้อพอสมควร)
อุปกรณ์ต่อมาที่ผมมองหาคือ อุปกรณ์ให้ความสว่าง นั่นก็คือไฟฉายประเภทต่าง ๆ อันแรกคือ ตะเกียงไฟฉาย ซึ่งประกอบด้วยหลอด LED จำนวน 8-9 หลอดภายใน รูปร่างกระทัดรัด ราคาขาย 150 บาท ผมสอยมาได้ในราคา 100 บาท ตอนแรกเค้าคิดราคา 120 บาท ผมก็เลยจะเดินออกจากร้าน แม่ค้าเลยลดให้ เพราะผมซื้อไฟฉายอันเล็กยี่ห้อ UltraFire มาอันนึง ซึ่งใช้หลอด Cree สว่างมาก สามารถซูมได้อีก สอยมาได้ในราคา 250 บาท
ก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจซื้อไฟฉาย Ultra Fire ตัวนี้ผมดูร้านอื่นประมาณ 3-4 ร้านจนได้ร้านนี้ที่ราคาถูกที่่ จากนั้นผมก็กลับไปซื้อ ไฟฉายคาดหัว จากอีกร้านนึง ซึ่งผมเคยเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฉาย แต่ร้านอื่น ๆ ไม่มีไฟฉายคาดหัว ผมก็เลยต้องย้อนกลับมาซื้อที่ร้านนี้ ในราคา 300 บาท แต่ความสามารถของเจ้านี่เรียกว่า “สุดยอด” จริง ๆ ส่องได้ไกลในระยะมากกว่า 50 เมตร สบาย ๆ ในขณะแบตเต็ม ยี่ห้ออะไรไม่ทราบแต่ที่สายเขียนว่า Light Head ของจีนแดง หลอด Cree เหมือนไฟฉายแบบถือของ Ultra Fire ผมว่ามันมาจากโรงงานเดียวกันนะ
จากนั้นก็หลวมตัวซื้อหมวกกลมเดินป่า แบบของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มาอีกสองใบในราคา 70 บาท
เวลาล่วงเลยจนประมาณ 5 โมงเย็น กำหนดการกลับตอนเย็นเป็นอันต้องเลื่อนเพราะแม่ขอร้องให้ไปพักกับน้องที่กรูงเทพแทน ผมก็เลยต้องเดินทางกลับกับครอบครัว ออกเดินทางประมาณหนึ่งทุ่มกว่า ๆ ถึงกรุงเทพประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เลยแวะทานอาหารที่ “ครัวระเบียงน้ำ” แถวลาดกระบัง (แยกร่มเกล้า) ป้ายริมถนนแทบจะไม่เด่นเท่าไรนัก ต้องเข้าจากถนนหลักไปประมาณ 50 เมตร อยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 2 กม. เราสามารถเห็นเวลาเครื่องบิน Take Off ได้อย่างชัดเจน (เสียงดัง) ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของร้านนี้ทีเดียว
รุ่งเช้าผมเดินทางออกจากที่พักประมาณ เกือบ 11 โมงเหตุผลที่ออกสายก็เพราะจุดหมายต่อไปคือร้านขายอุปกรณ์เดินป่าแถวสนามเป้าของ TrekkingThai นั่งแท็กซี่ไปขึ้น Airport Link จากสถานีลาดกระบัง ซึ่งยังอยู่ในช่วงทดลองใช้ 15 บาทตลอดสาย แผนของผมก็คือ ไปสุดสาย (พญาไท) แล้วต่อ BTS ไปสนามเป้า

ใช้เวลาเดินทางจาก Airpot Link สถานีลาดกระบัง จนถึง สถานีสนามเป้าของ BTS ใช้เวลาไป 1.20 ชม. เสียตังค์ค่าเดินทางไม่ถึงร้อย (รวมแท็กซี่)
จากน้้นผมเดินออกทางออกที่ 3 เดินลงมาก็เจอสำนักงานของ Trekking ไทยเลยครับ ซึ่งจะเป็นประตูเล็ก ๆ ต้องกดกริ่งเรียก (ตอนผมไป) มีน้องผู้หญิงออกมาต้อนรับคนเดียว สอบถามได้ความว่าคนขายประจำไม่อยู่ ของมีไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ดูได้ตามน่าเว็บเลย แต่ราคาถูกกว่าของห้างหลักสิบบาท เลือกไปเลือกมาก็ได้สินค้ามาสองชิ้น คือ ถาดไข่ กับ เสาของ Flysheet สนนราคาสองอย่าง 1300 บาทถ้วนครับ ผมมีโอกาศได้เจอกับ ผู้ก่อตั้ง Trekkingthai.com พี่ต้าร์หรือ OB1 ของเรานั้นเอง อัธยาศัยดีมากครับ
ตอนมากรุงเทพผมกะว่าจะไปเดินหลายที่หน่อยแต่พอดูสัมภาระแล้ว ต้องรีบกลับครับ เป้พร้อมอุปกรณ์เต็ม,ฟลายชีต,เสาฟลายชีพ, ขึ้นรถ BTS กลับอนุเสาวรีย์ไปขึ้นรถตู้ที่ Century แล้วก็กลับโดยสวัสดิภาพ เขียนไปเขียนมาตีหนึ่งพอดีขอตัวไปอาบน้ำแล้วนอนก่อนครับ โอ๊ะ โอ ลืมชิ้นสุดท้ายไป อันนี้ขาดไม่ได้ เป็นถุงนอนอันใหม่ ของ Equinox Ultralight 150 ราคา 1400 บาท อยู่ได้ถึง 0 องศา (แต่ยังไม่เคยทดสอบ) อันนี้ขอขอบคุณน้องหญิงเป็นอย่างยิ่งครับ ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด