รายได้รวมสองหมื่นกว่าๆ … แต่กินเหล้าเดือนละหมื่น!!!!!
บทนี้เป็นอีกบทที่ผมจะเล่าเรื่องราวแย่ๆของตัวเองในอดีต คิดเสียว่าเป็นการเป็นการเล่าสู่กันฟังนะครับ อันไหนดีก็เก็บไว้พิจารณา อันไหนแย่ๆก็พิจารณาดูผลของการกระทำ …
ค่ำคืนวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไปนั่งจิบเบียร์ Lager ยี่ห้อดังตามคำชักชวนของเหล่าสหาย … ในร้านร่ำเมรัยแห่งนี้คราคร่ำไปด้วยผู้มาเยือนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยยี่สิบเศษที่เยอะมากเป็นพิเศษ … ซึ่งวัยนี้น่าจะกำลังเรียนอยู่หรือเริ่มต้นวัยทำงานใหม่ๆ ซึ่งช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่หลายๆคนกำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต!!! … โดยเฉพาะชีวิตกลางคืน!!! ผับ บาร์ ร้านร่ำสุรา ฯลฯ
ผมมองพวกเขาแล้วก็หวนนึกถึงตัวเองในอดีต!!!
ลองมาฟังเรื่องราวของผมดู … ย้อนกลับไปหลายปีก่อน หลังจากที่ผมเรียนจบมา เริ่มหาเงินได้เอง เงินเดือนก็ไม่ได้มากมากอะไร แต่ชอบออกท่องราตรีสังสรรค์ดื่มกินอยู่เป็นนิจ ในสัปดาห์หนึ่งผมออกท่องราตรีอย่างน้อยๆ 2-3 วัน ที่เป็นไม่รู้ว่าเป็นค่านิยมของวัยนี้หรือจิตใจใฝ่หาแสงสีของผมก็ไม่อาจทราบได้ มันสนุก มันเมามันส์ มันเพลิดเพลิน มันครื้นเครง มันชวนให้รื่นเริงใจ แบบนี้นานๆทีก็พอไหว แต่บ่อยๆก็คงไม่ดีแน่ เพราะ ผลของการใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ สถานภาพทางการเงิน … เวลานั้นอย่าว่าแต่เงินเก็บเลย พูดกันแค่เงินกินก็พอ … จากพอมีพอกินสบายๆ เป็นคนใช้เงินเดือนชนเดือน … จากเดือนชนเดือนเป็น เป็นเดือนจะไม่ชนเดือน … จนต้องยืมเงินคนอื่น … จากยืมเงินคนอื่นเป็นเริ่มจะจ่ายหนี้ไม่ทัน!!!
เฮ้ย!!!! เห็นที่ถ้าเป็นอย่างที่ต่อไปจะย่ำแย่ ติดหนี้บานเบอะ ที่น่าเจ็บใจคือหนี้ที่เกิดขึ้นจากความไร้สาระและเบาปัญญา … เจอแรงกดดันหนักเข้าเริ่มมีสติ ต้องทำอะไรสักอย่าง ผมเริ่มทำบัญชีตามหาเงินที่หายไป หลังจากทำอยู่สองเดือนผลออกมาทำเอาผมตะลึง!!! เพราะ รายได้ผมรวมๆกันได้สองหมื่นกว่าๆ แต่ผมหมดค่าเหล้าเดือนละเกือบหมื่น!!! แถมยังยังมีการใช้จ่ายเงินไร้สาระอื่นๆที่ใช้แล้วที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อีกหลายพัน!!!!! … มันคงถึงเวลาที่ผมต้องสังคายนาตัวเองชุดใหญ่ๆอีกครั้ง!!!!(ครั้งแรกตอนสมัยที่กำลังจะโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย)
บันทึกนี้เขียนไว้ใน Facebook ของผมเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2010(หรือราวๆ 4 ปีก่อน)
ผมติดตามการใช้เงินของตัวเองอย่างใกล้ชิด ด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัว
ทำให้ผมรับรู้ทุกลมหายใจของเงิน เข้าเท่าไหร่จากใครที่ไหน ออกเท่าไหร่ ออกไปไหน ออกไปทำไม … ผลก็คือเงินที่เหลือมาขึ้นเยอะกว่าเดิม เพราะทุกๆครั้งที่เราจดลงไปว่าเราใช้เงินทำอะไร เราจะรู้สึกได้ทันที่ว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และ เราก็ไม่อยากจ่ายเงินในลักษณะนี้อีก … หลังจากใช้หนี้หมดเงินที่เหลือก็คือเงินออมเป็นก้อนหลังจากที่ไม่มีเลยมาเป็นปีๆ … ผมเอาเงินออมเหล่านั้นไปลงทุนซื้อของมาขาย และเมื่อได้กำไรกลับมาก็เอาเงินไปลงทุนในอย่างอื่นต่อ … เงินออมก็ยังคงออมได้สม่ำเสมอ เงินก้อนเก่าที่เอาไปลงทุนก็สร้างผลตอบแทนได้ดีรายได้ก็วนกลับเข้ามา
4 ปี ผ่านไป … จำนวนรายได้ต่อเดือนผมโตขึ้นหลายเท่าตัวจากเมื่อ 4 ปีก่อนจากหน้าที่การงานและการลงทุน แต่ในขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายผมลดลงพอสมควรแต่ก็ไม่มากเพราะค่าใช้จ่ายจำเป็นที่เพิ่มขึ้นจากการมีครอบครัว การมีลูก ฯลฯ แต่สัดส่วนเงินออมและเงินลงทุนที่ถูกนำกลับไปหมุนวนลงทุนต่อนั้นมีมากเกินกึ่งหนึ่งของรายได้ และ ก็ยังมีงบที่เก็บไว้สังสรรค์และไร้สาระไว้บางส่วน (เพื่อไม่ให้ชีวิตมันเฉามากจนเกินไป)
ถ้าใครกำลังเผชิญอยู่กับ การชักหน้าไม่ถึงหลัง ผมแนะนำวิธีที่ผมเคยทำมาคือการทำบัญชีรายรับรายจ่าย … ลองบันทึกดูยิ่งละเอียดยิ่งรู้จุดพลาดว่าเงินเราไหลออกไปทางไหน … และที่สำคัญเราอาจจะเจอรายจ่ายที่ไม่จำเป็นโผล่ขึ้นมามากมายอีกด้วย
การใช้ชีวิตอย่างเต็มคราบในวันเริ่มต้นทำงานและใช้มันอย่างต่อเนื่องยาวนานจะส่งผลต่อเราได้ในอนาคต โดยเฉพาะวัยที่ต้องสร้างรากฐานของครอบครัว ถ้าเราไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเงินก้อน ไม่มีทุน วันนั้นเราก็คงขยับตัวลำบาก!!! ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวล ไม่ได้ห้ามหรือทักท้วงในการแสวงหา เพราะ ผมยังสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวได้ใช้ชีวิตเต็มที่ แต่การใช้ชีวิตก็ควรจะใช้อย่างมีขอบเขต ใช้อย่างเหมาะสม และ ใช้อย่างมัดระวัง อย่าให้ต้องกลับมานึกเสียใจในอดีตที่ผ่านมา … ใช้ชีวิตในวันนี้ให้ดี เพื่อวันข้างหน้าที่ดีกว่า!!!
…[^_^]…
ปล.
– ถ้าออมไม่ได้ก็รวยไม่เป็น … คำกล่าวนี้ถึงจะดุดันแต่มันใช่มันโดน เพราะผมเองก็คิดว่าการออมเงินนั้นเป็นพื้นฐานสุดๆและเป็นบันไดขั้นแรกของความมั่งคั่งเลยก็ว่าได้ (สนใจประเด็นนี้เพิ่มเติมตามลิงค์นี้ไปนะครับ … บันได 4 ขั้น + 1 เงื่อนไข สู่ความ “มั่งคั่ง” อย่าง “มั่นคง” http://goo.gl/N5Xl5b